ปัญหาดินเสื่อมโทรม กับอนาคตโลก

ดินนั้นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพเลี้ยงดูประชากรโลกแต่ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมทำให้ดินมีคุณภาพเสื่อมลงเรื่อยๆบทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดปัญหาดินเสื่อมโทรม

ดินเสื่อมโทรม  คือ   ดินที่อยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการผลิตทางการเกษตร ทำให้ศักยภาพในการผลิตของดินลดลงหรือไม่อาจใช้ประโยชน์จากดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากคุณสมบัติของดินไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่นคุณสมบัติทางเคมีของดินมีสภาพเป็นกรดจัด เค็มจัด ความอุดมสมบูรณ์ หรือปริมาณธาตุอาหารพืชลดลงและอยู่ในสภาวะไม่สมดุล ส่วนด้านกายภาพ ดินมีการสูญเสียโครงสร้างทำให้เกิดการอัดตัวแน่น  ขาดความโปร่งพรุน

การเสื่อมโทรมของดินเกิดจากหลายสาเหตุ  เช่น สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง   โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะอากาศแล้ง  การชะล้างดินโดยน้ำหรือลม  รวมถึงจากน้ำมือมนุษย์ซึ่งประกอบกิจกรรมต่างๆ  ที่ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพลง

เนื่องจากดินมีประโยชน์ต่อการดูดซับคาร์บอน หากคาร์บอนลดน้อยลง โลกจะร้อนและแล้ง การเสื่อมโทรมของดินทำให้สมดุลของน้ำในธรรมชาติและระบบนิเวศโดยรวมถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อการเกษตร การปศุสัตว์ และมีผลต่อเนื่องทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและการใช้ชีวิตของมนุษย์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม

การเสื่อมโทรมของดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ศตวรรษที่ 20    เนื่องจากประชากรโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้มีการขยายเขตเมือง   เกิดการบุกรุกทำลายป่า   ทำให้ดินขาดสิ่งปกคลุมและเป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดการชะล้างพังทะลายของดินซึ่งจะส่งผลให้ดินเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด     การใช้สารเคมีทั้งปุ๋ยและยาในการเพาะปลูกและการใช้ดินอย่างไม่ถูกวิธี    เช่น  การปลูกพืชเชิงเดี่ยวซ้ำๆ เป็นเวลานาน   และการใช้ดินเพาะปลูกด้วยความถื่ของระยะเวลาที่มากเกินไปทำให้เกิดการเสื่อมคุณภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการผลิตของระบบนิเวศน้อยลงเพราะดินไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาอุดมด้วยธาตุอาหารได้ทัน

Maria- Helena Somedo จาก The Food and Agriculture Organization (FAO) ให้ข้อมูลในวันดินโลก (World Soil Day) ว่า การเกิดของหน้าดินความหนา 3 เซ็นติเมตรต้องใช้เวลาสะสมนานนับพันปี    ปัจจุบันหนึ่งในสามของหน้าดินในโลกอยู่ในภาวะเสื่อมโทรมและผู้เชี่ยวชาญจาก UN  ระบุเพิ่มเติมว่าหากไม่มีการดำเนินการใดเพื่อลดระดับการเสื่อมคุณภาพของดิน หน้าดินจะหมดไปในระยะเวลา 60ปี  และในปี ค.ศ. 2050  ดินที่ใช้ประโยชน์ได้จะลดเหลือเพียงจำนวน1 ใน 4 ของดินที่มีในปี ค.ศ.1960

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงคุณภาพของดินโดยการบำรุงและรักษาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถทำได้ทั้งในระดับบุคคลและภาพรวม สำหรับเกษตรกร การปลูกพืชคลุมดิน เพื่อรักษาหน้าดินไม่ให้เกิดการพังทลายและช่วยกักเก็บน้ำทำให้ดินมีความชุ่มชื้น   การทำเกษตรผสมผสาน      ปลูกพืชหมุนเวียน   ลดการใช้สารเคมี  เน้นการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์เป็นวิธีการที่ควรนำมาปรับใช้ ในขณะเดียวกันในภาพรวมควรมีการรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการลดการตัดไม้ทำลายป่า และสงวนรักษาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้เพื่อการเพาะปลูก ไม่นำมาใช้เพื่อกิจการอื่น เช่น  สร้างโรงงาน  เนื่องจากดินที่มีความสมบูรณ์เพาะปลูกได้มีน้อยจึงควรนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

อ้างอิง    Top Soil Could Be Gone In 60 Years If Degradation Continues, UN Official Warns/ Reuters

อ้างอิงภาพ   http://poeticplantings.com/blog/wp-content/uploads/2015/01/Hands-carrying-Soil.jpg

ข้อมูลจาก https://www.ftpi.or.th/2015/2779

####

iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025

1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที

2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ

3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน) 

สอบถามเพิ่มเติม

โทร 090 592 8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาดูความแตกต่างระหว่างปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยอินทรีย์

3 เหตุผลที่คนทำการเกษตรควรใช้บริการตรวจดินมืออาชีพ!

แต่ละภาค...ปลูกอะไรดี?