ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช - ตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารพืช ในดิน iLab.work

จะพูดถึงแร่ธาตุที่อยู่ในดินที่เป็นอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชแล้วละก็ หลายคนอาจจะนึกถึงแค่ไนโตรเจน(N) ฟอสฟอรัส(P) และโพแทสเซียม(K) แต่จริง ๆ แล้วยังมีธาตุอาหารอีกมากมายหลายชนิดที่อยู่ในดิน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเจริญเติบโตของพืช เปรียบเสมือนคนเราที่ต้องได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องการวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

ตรวจวิเคราะห์ดิน

ธาตุอาหารพืชมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชมาก นอกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และออกซิเจนแล้ว ก็ยังมีธาตุอาหารในดินอีก 14 ธาตุ ในวันนี้ผมจะมาพูดถึงธาตุอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ

ธาตุอาหารหลัก

ธาตุอาหารรอง

ธาตุอาหารเสริม

 

ธาตุอาหารหลักประกอบด้วย

1.ไนโตรเจน (N)

เป็นส่วนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของพืช ทั้งยังเป็นอาหารหลักของพืช ช่วยทำให้พืชใบเขียวตั้งตัวได้ โดยไนโตรเจนยังเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์พืชเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโปรตีน ไนโตรเจนยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างอาหารและสร้างพลังงานให้กับพืชอีกด้วย

ไนโตรเจนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างคลอโรฟิลล์ ซึ่งคลอโรฟิลล์อยู่ในส่วนที่เป็นสีเขียวของพืชที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ไนโตรเจนมักอยู่ในปุ๋ยหมักและพืชตระกูลถั่ว ซึ่งเราควรปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบเพื่อเพิ่มไนโตรเจนให้กับดิน

2.ฟอสฟอรัส (P)

ฟอสฟอรัสก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยในการสังเคราะห์แสง มีส่วนช่วยในการผลิตแป้งและน้ำตาล ฟอสฟอรัสมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทางเคมีในพืช ช่วยผลิตอาหาร มีส่วนช่วยในการเจริฐเติบโต กระตุ้นการออกดอกและการเจริญเติบโตของราก

ฟอสฟอรัสก็จะมีอยู่ในปุ๋ยหมัก เศษอาหารและกระดูกป่นเช่นกัน จะเห็นได้ว่าฟอสฟอรัสก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้ธาตุอาหารใด ๆ เลย

3.โพแทสเซียม (K)

โพแทสเซียมจะมีอยู่ในดินชั้นล่าง จะถูกดูดซึมโดยรากพืช มีส่วนช่วยในการสร้างโปรตีน ทำให้ผลมีคุณภาพ ลดโรคพืช โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่อยู่ในดิน วัตถุอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์


ธาตุอาหารรอง ประกอบด้วย 3 ธาตุดังต่อไปนี้

1.แคลเซียม (Ca)

ช่วยในการแบ่งเซลล์ ผสมเกสร การงอกของเมล็ด มีส่วนสำคัญต่อโครงสร้างของเซลล์พืช ช่วยในการลำเลียงอาหาร แคลเซียมช่วยในการปรับสมดุลทั้งกรดและด่างของพืช

2.แมกนีเซียม (Mg)

เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ ช่วยในการสังเคราะห์กรดอะมิโน วิตามิน ไขมันและน้ำตาล ช่วยในการสังเคราะห์แสง นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต

3.กำมะถัน (S)

เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน วิตามินและโปรตีน ช่วนสร้างคลอโรฟิลล์ ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของรากและเมล็ดพืช ทำให้พืชแข็งแรงและทนต่อความเย็น


ธาตุอาหารเสริม แบ่งออกเป็น 8 ธาตุดังต่อไปนี้

1.โบรอน (B)

ช่วยในการสร้างสารอาหารและควบคุมสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ ช่วยในการออกดอก ผสมเกสร ช่วยในการติดผลและย้ายน้ำตาลมาสู่ผล

2.ทองแดง (Cu)

ช่วยในการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์พืช ช่วยในการเผาผลาญอาหารของรากพืชและเป็นประโยชน์ต่อการใช้โปรตีนของพืช การสังเคราะห์คลอโรฟิลล์และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์

3.คลอรีน (CI)

พบในดิน ช่วนกระตุ้นการย่อยอาหารสำหรับพืช มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับฮอร์โมนพืช

4.เหล็ก (Fe)

จำเป็นต่อการสร้างคลอโรฟิลล์ การสังเคราะห์คลอโรฟิลล์และสังเคราะห์แสง

5.แมงกานีส (Mn)

ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ มีส่วนประกอบของคาร์บอนไดออกไซด์และการย่อยไนโตรเจน

6.โมลิบดีนัม (Mo)

ช่วยในการดึงไนโตรเจนออกมาใช้งานและช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน พบธาตุชนิดนี้ในดิน

7.สังกะสี (Zn)

ช่วยสังเคราะห์ฮอร์โมนออกซิน คลอโรฟิลล์และแป้ง ควบคุมการย่อยน้ำตาลของพืช เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานขอเอนไซม์ที่มีส่วนในการควบคุมการเจริญเติบโตของพืช และจำเป็นต่อการเปลี่ยนสภาพของคาร์โบไฮเดรต

8.นิกเกิล (Ni)

เป็นธาตุอาหารทำสำคัญต่อเอนไซม์ ทำหน้าที่ปลดปล่อยไนโตรเจนให้อยู่ในรูปที่จะนำไปใช้ได้ และยังช่วยในกระบวนการงอกของเมล็ดอีกด้วย

 

ลักษณะการขาดธาตุอาหารของพืช

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุที่ทำให้พืชผิดปกติในพืช จะมาจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ

สภาพแวดล้อมผิดปกติ เช่นแดดจัดมาก น้ำขังนาน อากาศหนาวจัด ก็จำทำให้พืชที่เราปลูกมีความผิดปกติได้ หรืออาจมีการเข้าทำลายของโรคและแมลง ซึ่งเราก็ต้องดูสาเหตุของความผิดปกติให้ดี

สาเหตุมาจากพืชขาดธาตุอาหารที่จำเป็นคือ เราปลูกพืชโดยไม่เติมอินทรีย์วัตถุลงไปในดินเลย เหตุเพราะธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกดูดออกไปโดยผลผลิตรุ่นแล้วรุ่นเล่า วิธีสังเกตุคือในปีแรก ๆ ผลผลิตจะได้เยอะ แต่ในปีต่อ ๆ ไปผลผลิตจะค่อย  ๆ ลดจำนวนลง โดยอาการขาดธาตุอาหารจะมีลักษณะดังนี้

 

ถ้าพืชขาดไนโตรเจน ใบพืชจะเหลืองจากส่วนปลายใบเข้ามา

ถ้าพืชขาดฟอสฟอรัส ใบแก่หรือใบล่างจะมีสีม่วงแซมเขียวอ่อน

ถ้าพืชขาดโพแทสเซียม ขอบใบแก่จะมีสีเหลืองและจะได้ผลขนาดเล็ก ถ้าเป็นข้าวก็อาจเมล็ดลีบได้

นอกจากพืชจะต้องการธาตุอาหารหลักแล้ว ธาตุอาหารเสริมและรองก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน


ถ้าขาดธาตุแคลเซียม จะมีอาหารใบหงิก ใบใหม้ ผลแตกหรือก้นผลเน่าได้

ถ้าขาดธาตุแมกนีเซียม ใบแก่จะเหลืองและร่วงหล่นเร็ว

ถ้าขาดธาตุกำมะถัน ใบทั้งบนและล่างจะมีสีเหลืองซีด ยอดผลจะชงักการเจริญเติบโต

และธาตุอาหารเสริมอีก 8 ธาตุที่ถ้าขาดก็จะทำให้ใบอ่อน สีซีด เจริฐเติบโตช้าและได้ผลผลิตน้อย

 

วิธีแก้เมื่อดินขาดธาตุอาหาร

วิธีแก้คือ เพิ่มอินทรีย์วัตถุและปุ๋ยคอกลงปรุงดินก่อนปลูกในแต่ละรอบ และฉีดพ่นปุ๋ยอินทรีย์น้ำทางใบพืชเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต

สำหรับการทำเกษตรอินทรีย์แล้ว ธาตุอาหารเหล่านี้มีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพืชตระกูลถั่ว ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยพืชสด น้ำหมักชีวภาพ น้ำหมักจากปลาหรือหอยเชอรี่ มูลไส้เดือน เศษวัตถุอินทรีย์ที่หาได้ตามท้องถิ่น ฯ ซึ่งมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน

เพราะฉะนั้นแม้ว่าธาตุอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในดิน แต่ถ้าเราไม่เพิ่มเติมธาตุอาหารลงดินหรือบำรุงดิน ก็จะทำให้พืชเราปลูกขาดธาตุอาหารที่จำเป็นเหล่านี้ได้

โดยสาเหตุที่จะทำให้ธาตุอาหารเหล่านี้หายไปจากดินคือ เวลาเราปลูกพืช พืชก็จะดูดธาตุอาหารเหล่านี้ไปสะสมในส่วนต่าง ๆ เช่น ยอด ดอก ผล ลำต้น ใบ ฯ พอถึงเวลาเก็บเกี่ยว ธาตุอาหารที่สะสมอยู่กับพืชก็จะถูกนำออกไป หรือแม้กระทั่งธาตุอาหารที่ละลายน้ำได้ก็จะถูกชะล้างออกไปด้วย ไนโตรเจนบางส่วนอาจสูญหายระเหยออกไปเมื่ออยู่ในรูปแบบของแก๊ส ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมบางส่วนจะถูกดินตรึงไว้ทำให้พืชดูดไปใช้งานได้น้อย

แต่เราก็สามารถให้ปุ๋ยทางใบได้ เพื่อช่วยให้พืชสามารถดูดธาตุอาหารได้โดยตรงและได้มากกว่าดูดซึมทางรากอีกด้วย จะช่วยให้พืชฟื้นตัวจากการขาดธาตุอาหารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

สรุปแล้ว เราควรปรับปรุงบำรุงดินหลังการเพาะปลูกในแต่ละรอบ เพื่อเพิ่มเติมธาตุอาหารที่จำเป็นลงไปในดิน และฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบเพื่อช่วยให้พืชได้รับสารอาหารโดยตรงและเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ข้อมูลจาก https://www.opsmoac.go.th/angthong-article_prov-preview-421891791858

####

iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025

1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที

2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ

3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน) ใบผลวิเคราะห์ จะถูกจัดส่งไปถึงบ้าน หรือที่ทำงานของลูกค้าเช่นกัน

สอบถามเพิ่มเติม

โทร 090 592 8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาดูความแตกต่างระหว่างปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยอินทรีย์

3 เหตุผลที่คนทำการเกษตรควรใช้บริการตรวจดินมืออาชีพ!

แต่ละภาค...ปลูกอะไรดี?