ใส่ปุ๋ยไม้ผลอย่างไรให้ประหยัด
เกษตรกรทุกคนย่อมรู้จักปุ๋ยกันเป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่รายที่รู้ว่าปุ๋ยที่ใส่ลงไปนั้น มากหรือน้อยเกินไปสำหรับไม้ผลที่ปลูก วันนี้จะขอให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใส่ปุ๋ยอย่างถูกต้อง และประหยัด โดยได้ผลดีขึ้นมากกว่าการทำแบบเดิมๆ
ปุ๋ยที่เรารู้จักกันทั่วไป มี 2 แบบ คือปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี วันนี้จะกล่าวถึงเฉพาะปุ๋ยเคมีที่ต้องเสียเงินซื้อหากันมาใช้ และจะทำอย่างไรให้เงินที่จ่ายไปกับปุ๋ย ได้ผลคุ้มค่าที่สุด
ปุ๋ยเคมีทางการเกษตรที่เกษตรกรรู้จักมีทั้งแบบปุ๋ยผสมรวมเป็นเม็ดใช้หว่านลงดิน ปุ๋ยเดี่ยวที่ต้องนำมาผสมเอง ปุ๋ยละลายน้ำใช้พ่นบนต้น ปุ๋ยละลายน้ำสำหรับปล่อยไปพร้อมน้ำชลประทาน นอกจากนี้ยังมีปุ๋ยแบบเครือบสารบางอย่าง เพื่อให้ปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ อีกด้วย
ทีนี้เราจะใส่ปุ๋ยอย่างไรให้ประหยัด เรื่องนี้มีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
1. เริ่มต้นจากรู้จักพื้นที่ปลูกว่ามีลักษณะทางกายภาพอย่างไร ได้แก่ การตรวจสอบความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อให้รู้ว่าดินมีโครงสร้างเป็นดินเหนียว ดินร่วน ดินทราย ดินเค็ม ดินน้ำไหลทรายมูล มีอินทรีย์วัตถุเท่าไร ความเป็นกรด – ด่างของดิน ระดับน้ำใต้ดิน ตลอดจน ค่าแลกเปลี่ยนประจุของดิน ข้อมูลเหล่านี้ เกษตรกรเพียงแต่เก็บตัวอย่างดินไปตรวจก็จะได้ข้อมูลเพื่อใช้พิจารณาในอันดับต่อไป
2. เมื่อปลูกกล้าพืช เราเตรียมดินด้วยการขุดหลุม นำดินที่ขุดขึ้นมาผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ และปูนขาว (หากดินค่อนข้างเป็นกรด) คลุกเคล้าก่อนใส่กลับลงไปในหลุมใหม่ กล้าไม้ที่จะนำลงปลูก ต้องมีอายุเหมาะสม ไม่แก่เกินไป นำกล้าไม้มาตัดแต่งรากแก่ รากที่ขด และรากไม่สมบูรณ์ออก คลี่รากให้แผ่กระจายก่อนใส่ลงในหลุม ใส่ดินส่วนที่เหลือกลบรากให้มิด กดดินรอบรากให้แน่น เพื่อป้องกันน้ำขังราก แล้วใช้ไม้พยุงกันลมผูกกับต้นให้แน่นหนา จะเห็นได้ว่า ระยะนี้จะยังไม่มีการใส่ปุ๋ยเคมี เพราะรากกล้ายังบอบบาง ปุ๋ยที่ใส่ลงไปจะทำลายรากให้เกิดแผล อ่อนแอต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรคในดิน เมื่อรากกล้าแตกออกมาใหม่และแข็งแรงดีจึงเริ่มใส่ปุ๋ยเคมีได้
3. เมื่อต้นกล้าตั้งตัวได้แล้ว เราจะใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 นับว่าเป็นปีที่ 1 เราจะใส่ไม่มากนัก ถ้าดินเป็นดินเหนียวและน้ำใต้ดินสูง จะใส่น้อยกว่าดินร่วนครึ่งหนึ่งเพราะปุ๋ยไนโตรเจนจะละลายไปกับน้ำได้ในปริมาณมากและเร็วกว่าดินแห้ง สมมุติว่าใส่ต้นละ 50 กรัม (ขึ้นกับชนิดของไม้ผล) เรามักใส่สูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 16-16-16 ซึ่งแตกต่างกันที่ชนิดของแม่ปุ๋ยที่นำมาทำสูตรนั้นๆ จำนวนปุ๋ยที่ใส่ในระบบราก จะน้อยกว่าจำนวนปุ๋ยที่หว่านใต้ต้นเท่าตัว(เพราะการหว่านปุ๋ย อากาศและแสงแดดจะทำลายปุ๋ยไปก่อนที่พืชจะนำไปใช้ได้) อย่างไรก็ตามการใส่ปุ๋ยทั้ง 2 วิธี จำนวนปุ๋ยที่ใส่ต้องไม่ออกไปนอกระบบรากพืช
4. เมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้นก็จะใส่ปุ๋ยมากขึ้น โดยปีที่ 2 มักใส่มากกว่าปีที่ 1 เท่าตัว (คือ 100 กรัมต่อต้นต่อปี) จำนวนครั้งของการแบ่งใส่ ขึ้นอยู่กับความเปียกหรือแห้งของดิน ถ้าดินเปียก ต้องแบ่งใส่ปีละบ่อยครั้งกว่าดินแห้งเสมอ พืชอายุน้อยอาจแบ่งใส่ปีละ 6 -10 ครั้ง พืชอายุ 3 ปีขึ้นไป จะแบ่งใส่ปีละ 4-6 ครั้ง และจำนวนปุ๋ยจะเป็น 150 กรัมต่อต้นต่อปี
5. เมื่อไม้ผลให้ผลผลิต วิธีการประหยัดปุ๋ย คือการคำนวนว่าเรานำปุ๋ยออกไปจากสวนกี่กิโลกรัม โดยชั่งน้ำหนักผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ (หากเป็นได้ควรทราบจำนวนผลผลิตต่อต้น หากไม่สามารถทำได้ก็ทราบจำนวนผลผลิตต่อสวน แล้วคำนวนเป็นน้ำหนักต่อต้น) เราจะใส่ปุ๋ยเท่ากับธาตุอาหารที่ติดไปกับผลผลิต ซึ่งเราจะทราบจากค่าวิเคราะห์ธาตุอาหารของผลไม้แต่ละชนิด โดยผลการวิเคราะห์จะบอกถึงปริมาณธาตุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมอีก 10 ชนิด ที่พบในผลไม้ชนิดนั้นๆ (ผลไม้หลายชนิดได้มีการวิเคราะห์ค่าของธาตุอาหารไว้แล้วสามารถนำมาใช้ได้เลย)
เกษตรกรส่วนใหญ่มักใส่ปุ๋ยในสวนผลไม้มากกว่าอัตราที่ต้นไม้ต้องการ และเกินความจำเป็น และปุ๋ยที่ตกค้างในสวนส่งผลร้ายให้กับต้นไม้มากกว่าผลดี ธาตุฟอสฟอรัสที่มากกว่าค่ามาตรฐานในดิน (40-80 ส่วนในล้านส่วน) จะไปดึงธาตุอาหารรองบางชนิดไม่ให้พืชนำไปใช้ได้ จึงเกิดการขาดสารอาหาร เกษตรกรแก้ปัญหาด้วยการพ่นอาหารเสริมทางใบ เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง ส่วนปุ๋ยที่พืชใช้ไม่หมดจะตกค้างอยู่บริเวณชั้นล่างของดินที่พืชนำขึ้นมาใช้ได้ยากหากไม่มีจุลิทรีย์จำเพาะที่สามารถย่อยสลายได้มาช่วย และปุ๋ยบางส่วนอาจถูกชะล้างไปสู่แหล่งอื่นที่ไม่ต้องการได้ ทั้งนี้เป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และไม่เป็นการประหยัด
ข้อมูลจาก https://erawanagri.com/
####
iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025
1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที
2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ
3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน)
สอบถามเพิ่มเติม
โทร 090 592 8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น