ทำไมต้องรอฝนตก ถึงจะใส่ปุ๋ยได้

 เราอาจจะสงสัยว่า ทำให้เกษตรกรส่วนมาก ถึงบอกว่า การใส่ปุ๋ยต้องใส่ช่วงฤดูฝน

แล้วถ้าตอนนี้พ้นหน้าฝนแล้วจะทำยังไงหละ จะต้องรอปีหน้าเลยหรือ

ถ้าเราพิจารณารูปลักษณ์ของปุ๋ย ปุ๋ยจะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

ปุ๋ยเม็ด ให้ทางดิน กับ ปุ๋ยน้ำให้ทางใบ

เมื่อเราใส่ปุ๋ยลงไปแล้ว ต้นไม้จะดูดซึมปุ๋ยที่ถูกละลายสารอาหารเจือปนในน้ำ

พูดง่ายๆ คือ ต้นไม้ใช้รากดูดน้ำที่เจือปนด้วยสารอาหาร ลำเลียงขึ้นมาจากรากเอาสารอาหารมาเก็บไว้ที่ใบ พอถึงที่หมายต้นไม้ก็จะปล่อยน้ำให้ระเหยออกไปทางปากใบ

นี่แหละครับคือสาเหตุว่า ทำไมเกษตรกรถึงนิยมบอกว่า จะใส่ปุ๋ยต้องใส่ตอนหน้าฝน ก็เพื่อให้มีน้ำทำละลายปุ๋ยนั่นเอง

ส่วนใหญ่หลักการนี้จะใช้กับปุ๋ยเคมี เพราะปุ๋ยเคมีส่วนมากแล้วจะออกฤทธิ์แรง แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะระเหยเร็ว เกษตรกรจึงต้องเร่งๆๆ แต่ถ้าเป็นปุ๋ยที่ออกฤทธิ์ได้นานสัก 6 เดือน แบบนี้ใส่ฤดูไหนก็ได้ เพราะมันระเหยช้า

อันที่จริงแล้วน้ำที่ต้นไม้ต้องการเอาไปเป็นตัวทำละลาย ไม่จำเป็นต้องซู่ซ่าดังฝนห่าใหญ่ก็ได้ แค่ความชื้นไอเบาๆ น้ำค้างยามเช้าก็เพียงพอต่อการละลายปุ๋ยแล้ว ในทางกลับกัน ฝนตกหนักๆ มีความเสี่ยงสูงที่น้ำจะชะสารอาหารในปุ๋ยออกไปหมด เพราะธรรมชาติของต้นไม้จะค่อยๆ กินปุ๋ย ค่อยๆ ดูดซึม ส่วนปุ๋ยที่ต้นไม้กินไม่ทัน ก็มีโอกาสถูกน้ำพัดพาไปได้

เพื่อนๆ อาจส่งสัยว่า ถ้าน้ำแค่นั้น มันจะทำให้ปุ๋ยละลายลึกลงข้างล่างหรือ

ผมก็ตอบว่า นั่นไม่จำเป็น เพราะต้นไม้แทบจะทุกชนิด รากที่ใช้หากินคือรากช่วงหน้าผิวดิน 2 – 3 นิ้ว ส่วนรากลึกๆ ไม่มีหน้าที่หากิน แต่มันมีหน้าที่ยึมโยงต้นไม้เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องให้ลึกถึงขั้นนั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราจะใส่ปุ๋ยในฤดูที่ไม่มีฝนก็สามารถทำได้นะ ก็แค่ 1 คนโรยปุ๋ย อีกคนตามรดน้ำทับ แค่ขันเดียวก็มีความชื้นเพียงพอที่จะละลายปุ๋ยแล้ว ถ้าส่วนไหนมีระบบเดินสายน้ำ ใส่ปุ๋ยเสร็จก็รดน้ำสักรอบก็พอ หรือถ้าไม่มีน้ำ ไม่มีระบบรดน้ำ ก็ใช้วิธีการพรวนดินกลบปุ๋ยก็ได้ เพราะดินมันก็พอมีความชื้น และเดี๋ยวคืนนี้น้ำค้างลงดิน ดินก็มีน้ำเพียงพอที่จะละลายปุ๋ยแล้ว

แต่ถ้าใช้ปุ๋ยที่มีคุณสมบัติปล่อยปล่อยธาตุอาหารได้นานๆ คือ อยู่ได้นาน 6 เดือนขึ้นไป ก็ใส่ๆ ไปเถอะไม่ต้องรอฤดูฝน ฝนตก ต้นไม้ไม่ได้กินปุ๋ยมากมายอย่างที่เราคิด เขาแค่ต้องการปุ๋ยแค่ 4 กรัม ต่อวัน ต่อน้ำหนักต้นไม้ 1 ตัน เท่านั้นเอง

ปุ๋ยอีกชนิดหนึ่งคือปุ๋ยน้ำให้ทางใบ

เนื่องจากต้นไม้หากินได้ 2 ทาง คือ ราก และปากใบ

และจากที่บอกไปว่า ต้นไม้จะดูดซึมอาหารจากรากนั้นต้นไม้ต้องใช้น้ำดึงอาหารขึ้นมาเก็บไว้ในใบ จากนั้นก็จะปรุงอาหาร

แต่หากเราให้ปุ๋ยน้ำให้ทางใบผ่านทางปากใบ มันคือการย่นย่อระยะทางและวิธีการ เอาอาหารมาเก็บในใบเลย ไม่ต้องทำการดูดซึม

ข้อนี้เองทำให้การให้ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นทางใบ จึงไม่จำเป็นต้องฉีดพ่นในฤดูฝน

แต่ในทางกลับกัน ฤดูฝน น้ำฝนต่างหากที่เป็นตัวชะล้างปุ๋ยน้ำทิ้งใบ เราต้องฉีดพ่นในวันที่ฝนไม่ตก และที่สำคัญ ยิ่งช่วงแล้งๆ หนาวๆ ยิ่งต้องพ่นปุ๋ยน้ำให้ทางใบ เพราะภาวะเช่นนั้นที่ส่งผลให้การกินอาหารทางดินเริ่มไม่ดี เราเองก็ไม่ต้องหวังพึงการหากินอาหารทางเดียวของต้นไม้ ฉีดพ่นไว้เพื่อให้ต้นไม้ยังมีอาหารได้ปรุงและลำเลียงไปใช้ได้ทันทีเลย โดยไม่ต้องเสียแรง เวลาดูดซึม

และนี่แหละครับคือเรื่องราวว่า ทำไมเกษตรกรถึงจะต้องรอใส่ปุ๋ยในฤดูฝน ทั้งๆ ที่จริงแล้ว เราสามารถใส่ปุ๋ยได้ทุกช่วงฤดูกาล เพียงเราแค่รดน้ำตาล หรือจะให้ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นทางใบไปเลย แค่นี้ต้นไม้ก็มีอาหารได้กินแล้ว แม้จะไม่ใช่ฤดูฝนก็ตาม

ข้อมูลจาก http://www.burinonline.org/

####

iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025

1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที

2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ

3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน) 

สอบถามเพิ่มเติม

โทร 090 592 8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ






 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แต่ละภาค...ปลูกอะไรดี?

9 อาการต้นไม้ปลูกในบ้านที่ต้องระวัง

12 อาการต้นไม้ขาดธาตุอาหาร พร้อมวิธีดูแลต้นไม้ให้ฟื้นคืนชีพ