เผานา..เผาไร่...เกษตรกรเสียอะไร
ปัญหามลภาวะ ฝุ่น 2.5 ไมครอน ไร่ถูกเผา ไฟไหม้ป่า ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ดูว่าจะเป็นเรื่องซ้ำซาก จำเจ ค้างคามาหลายยุค หลายสมัย แต่อย่างหนึ่งที่ไม่มีใครกล่าวถึง คือความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากการเผา โดยเฉพาะการเผาไร่ เผาตอซังข้าวในนา
เกษตรกรเผาแปลงด้วยข้ออ้างและเหตุผลต่างๆ นานา ที่ผู้เขียนเองเข้าใจถึงปัญหา ทั้งเรื่องแรงงานตัดอ้อย การจัดการแปลงให้ทันฤดูปิดหีบ การจัดการนาให้พร้อมสำหรับพืชหลังนา ให้ทันช่วงเวลาส่งน้ำของฝ่ายชลประทาน หรือช่วงเวลาแรงงานภาคการเกษตร แม้จะมีเครื่องจักรกลมาช่วยผ่อนแรงบ้างแล้ว แต่แรงงานคนสำหรับเกี่ยวข้าวหรือเก็บข้าวโพด ก็ยังต้องแย่งกันกับผู้ปลูก หอม กระเทียม ให้ทันฤดูกาลเช่นกัน
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เกษตรกรที่เผาแปลง ไม่ใช่เฉพาะแต่ไร่อ้อย ต้องรวมถึงพืชอื่นๆ ทั้งข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือแม้แต่การเผาหญ้า เกษตรกรท่านจะทราบหรือไม่ว่า ท่านได้เผาทรัพยากรอันมีค่าของท่านเองทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
ทรัพยากรแรกคือ #อินทรีย์วัตถุ จากพืช ตอซัง ใบพืช และส่วนต่างๆ ที่เป็นอินทรีย์วัตถุ ซึ่งอุดมไปด้วยธาตุอาหารพืชที่ใช้ในการบำรุงดิน ให้มีโครงสร้างที่ดี มีการอุ้มน้ำ และเก็บรักษาธาตุอาหารไว้เพื่อคอยปลดปล่อยให้แก่พืชได้ใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีการย่อยสลายของจุลินทรีย์ดินอย่างช้าๆ อินทรีย์วัตถุเหล่านี้มีธาตุอาหารพืชครบทุกชนิด ตามธรรมชาติ และท่านได้เผามันทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
ความสูญเสียต่อมาคือ #น้ำบนผิวดิน ที่ระเหยออกไปเมื่อได้รับความร้อนจากการเผาไร่ นา ทำให้หน้าดินแห้ง หญ้าที่ปกคลุมและป้องกันการสูญเสียน้ำก็ถูกเผาทำลายไปด้วย แน่นอนว่าหญ้าเหล่านั้นก็มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืชทุกชนิดเช่นเดียวกัน หากหญ้าเหล่านั้นไม่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปด้วย มันจะแห้งตายและกลายเป็นปุ๋ย ที่ถูกย่อยสลายออกมาอยู่ในดิน รอให้พืชในฤดูกาลใหม่ดูดเอาไปใช้ได้ต่อไป
การสูญเสียที่สำคัญที่สุดคือการสูญเสีย #จุลินทีย์ดิน ที่ต้องใช้ในการทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพปุ๋ยที่ใส่ลงให้กับพืช ให้ไปอยู่ในสภาพที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ หรือเปลี่ยนธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริมจากแม่ดินในพื้นที่นั้นหรือย่อยสลายอินทรีย์วัตถุที่ยังเผาไหม้ไม่หมด ให้เป็นธาตุอาหารพืช โดยไม่ต้องไปซื้อหามาใส่ใหม่ และอาจหาได้ไม่ครบเพราะธาตุอาหารเสริมบางชนิดได้มาจากแม่ดินโดยจุลินทรีย์ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
จุลินทรีย์ดินที่ขาดที่พักอาศัย คือรากหญ้า และขาดน้ำที่ต้องใช้ในการดำรงชีวิตเพราะถูกไฟเผาระเหยไปหมดแล้ว หรือบางส่วนได้ตายไปเพราะความร้อน ย่อมเหลือชนิดและปริมาณไม่เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนแปลงแหล่งอาหารของพืชให้กลับคืนสู่ดินได้ทันเวลา พื้นที่ตรงนั้นจะกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือไว้เลย และกว่าที่จุลินทรีย์จะฟื้นคืนชีพ เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ต้องใช้เวลานานและเมื่อสามารถกลับมาได้บ้างบางส่วน ก็ถูกเผาซ้ำอีก เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำซากจนยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาดีได้เช่นเดิม
จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นที่ที่มีการเผา จะเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่า ไร่อ้อย แปลงนา ที่มีการเผาต่อเนื่องกันทุกๆ ปี จึงให้ผลผลิตลดลงเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีการปฎิบัติในการทำแปลง ดูแลรักษา ใส่ปุ๋ย ใส่ยา เหมือนๆ กัน
สรุปได้ว่า เกษตรกรที่เผาแปลงปลูกพืชของตนเองต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นการปฎิบัติที่ได้เผาทรัพยากรอันมีค่ามหาศาลของท่านเองทิ้งไปในกองไฟอย่างน่าเสียดายโดยไม่เห็นในคุณค่าของมันแม้แต่น้อย และทรัพยากรเหล่านั้น เงินที่มีอยู่ก็ไม่สามารถซื้อหามันกลับคืนมาได้ครบสมบูรณ์ ยกเว้นการงดเผาและฟื้นฟูอย่างจริงจังที่ต้องใช้เวลานานกว่าดินจะกลับมามีสภาพดีเหมือนเดิมได้
ข้อมูลจาก https://erawanagri.com/burns-farm/
####
iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025
1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที
2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ
3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน)
สอบถามเพิ่มเติม
โทร 090 592 8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น