บอกเทคนิคดูง่ายๆ พืชขาดธาตุอาหารอะไรอยู่?
เคยไหม? ปลูกพืชอยู่ดีๆ ทั้งรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แถมได้รับแสงแดดที่เพียงพอ แต่พืชก็ยังตาย หรือทำไมต้นไม้ไม่ออกดอก ออกผล ไม่มีทรงสวยเหมือนกับที่ร้านขายต้นไม้เลยสักนิด เรื่องนี้เกิดจากสาเหตุอะไร?
สำหรับสาเหตุยอดฮิตที่คนปลูกต้นไม้มือใหม่อาจไม่เคยรู้ นั่นก็คือ “พืชขาดธาตุอาหาร” เพราะในปุ๋ยที่เราใส่กันอยู่ทุกวันนั้นอาจมีธาตุอาหารที่พืชต้องการไม่เพียงพอ จนทำให้พืชเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ หรือร้ายแรงที่สุดก็คือเหี่ยวเฉาและตายลงไปได้เลย
ถ้าไม่อยากปลูกต้นไม้แล้วตายบ่อยๆ มาลองเช็กกันดูสักหน่อยดีกว่าว่า ธาตุอาหารที่พืชต้องการมีอะไรบ้าง และถ้าพืชขาดธาตุแต่ละธาตุพืชจะมีอาการอย่างไร โดยในบทความนี้ Grotech จะขอแบ่งธาตุอาหารที่พืชต้องการออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
กลุ่มของธาตุอาหารที่พืชได้รับจากน้ำและอากาศ
ประกอบด้วย 3 ธาตุ ได้แก่ คาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) ออกซิเจน (O) ซึ่งเป็นธาตุที่พืชจะได้รับจากน้ำและอากาศอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเติมเพิ่มเข้ามาอีก
กลุ่มของธาตุอาหารที่พืชได้รับจากดิน
ประกอบด้วย 13 ธาตุด้วยกัน ซึ่งธาตุเหล่านี้ได้มาจากการผุพังสลายตัวของส่วนที่เป็นอนินทรียวัตถุและอินทรียวัตถุหรือฮิวมัสในดิน โดยจะแบ่งธาตุทั้ง 13 ธาตุนี้ออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
ธาตุอาหารหลัก
คือ ธาตุอาหารพืชที่ต้องการในปริมาณมาก จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ธาตุคือ ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P), และ โพแทสเซียม (K) ซึ่งจะขาดธาตุใดธาตุหนึ่งไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้พืชมีอาการผิดปกติได้ ดังนี้
ไนโตรเจน (N) : เป็นธาตุอาหารที่สำคัญมาก ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของพืช พืชที่ได้รับไนโตรเจนอย่างเพียงพอ ใบจะมีสีเขียวสด มีความแข็งแรง โตเร็ว และทำให้พืชออกดอกและผลที่สมบูรณ์ ดังนั้น หากพืชขาดธาตุอาหารนี้ไป ใบพืชจะเป็นสีเหลือง (บริเวณที่ใบแก่ก่อน) ลําต้นผอมสูง กิ่งก้านมีน้อยและลีบ และชะงักการเจริญเติบโต
ฟอสฟอรัส (P) : เป็นธาตุอาหารที่ส่งเสริมการออกดอกและผล ติดเมล็ด การพัฒนาเมล็ดและผล เร่งการเจริญเติบโตของราก พร้อมช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคพืช และมีส่วนช่วยในการเร่งการสุกแก่ของผลให้เร็วขึ้น หากพืชขาดธาตุอาหารนี้จะทำให้ใบแก่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงแล้วกลายเป็นสีน้ำตาลและหลุดร่วงลำต้นแกร็นไม่ผลิดอกออกผล
โพแทสเซียม (K) : เป็นธาตุที่ช่วยพืชสร้างอาหาร (สังเคราะห์แสง) และมีส่วนช่วยทำให้รากแข็งแรง ทนทานต่อโรคแมลง อีกทั้งเพิ่มขนาดผลผลิต เมล็ด และปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การที่พืชขาดธาตุอาหารนี้จะทำให้ใบแก่แสดงอาการใบเหลือง และมีการตายของเนื้อใบด้วย
ธาตุอาหารรอง
คือ ธาตุอาหารที่พืชต้องการในปริมาณน้อยกว่าธาตุอาหารหลัก ได้แก่ แคลเซียม (Ca),แมกนีเซียม (Mg), และ ซัลเฟอร์ (กำมะถัน) (S)
แคลเซียม (Ca) : เป็นธาตุอาหารที่ทำให้พืชผลิใบได้ดีและเร็ว เป็นส่วนประกอบให้ผิวของลำต้น ใบ ดอก และผลแข็งแรง ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำงานร่วมกับธาตุโบรอนในการผสมเกสร การงอกของเมล็ด ดังนั้น หากพืชขาดธาตุอาหารประเภทแคลเซียมก็จะทำให้ใบที่งอกขึ้นใหม่แสดงอาการใบย่น เหี่ยวและเกิดใบต่างสีบรอนซ์ ก้านใบและเส้นกลางใบมีอาการต่างเนื่องจากการตายของเนื้อใบ
แมกนีเซียม (Mg) : เป็นธาตุอาหารที่ช่วยเสริมสร้างการดูดใช้และลำเลียงธาตุฟอสฟอรัสและน้ำตาล รวมถึงมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์แสงด้วย การที่พืชขาดธาตุอาหารแมกนีเซียมจะทำให้ใบแก่แสดงอาการเหลืองกระจายไปทั่ว แผ่นใบ แต่เส้นใบเขียว บางครั้งพบอาการที่ใบสีบรอนซ์ และแผ่นใบคุ้มลง เป็นรูปถ้วยคว่ำ
ซัลเฟอร์หรือกำมะถัน (S) : เป็นธาตุอาหารที่มีมีผลทางอ้อมต่อการสร้างคลอโรฟิลล์และการพัฒนาส่วนยอดของต้นพืช หากพืชขาดธาตุอาหารชนิดนี้ก็จะทำให้ใบที่งอกขึ้นใหม่แสดงอาการใบย่น เหี่ยวและเกิดใบด่างสีบรอนซ์ ก้านใบและเส้นกลางใบมีอาการด่างเนื่องจากการตายของเนื้อใบ
ธาตุอาหารเสริม
คือ ธาตุอาหารที่พืชต้องการในปริมาณน้อยที่สุด แต่ก็ควรเสริมเพื่อให้พืชมีความแข็งแรง ได้แก่ เฟอรัส (เหล็ก) (Fe), แมงกานีส (Mn), ซิงค์ (สังกะสี) (Zn), คอปเปอร์ (ทองแดง) (Cu), คลอรีน (Cl), โบรอน (B), โมลิบดินัม (Mo)
เฟอรัส (เหล็ก) (Fe) : เป็นธาตุอาหารเสริมที่ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟีลล์ มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงและการหายใจในพืชให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ การที่พืชขาดธาตุอาหารอย่างเหล็กจะทำให้ใบอ่อนมีสีขาวซีดในขณะที่ใบแก่ยังเขียวสด
แมงกานีส (Mn) : เป็นธาตุอาหารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ของพืช ช่วยการสังเคราะห์แสง เร่งปฏิกิริยาต่างๆ เช่น กระบวนการหายใจ ถ้าพืชขาดธาตุอาหารนี้ใบอ่อนจะมีสีเหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียว ต่อมาใบที่มีอาการดังกล่าวจะเหี่ยวแล้วร่วงหล่น
ซิงค์ (สังกะสี) (Zn) : เป็นธาตุที่ช่วยทำให้ข้อปล้องของพืชมีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ จำเป็นต่อการสร้างแป้ง คลอโรฟีลล์ การสร้างเมล็ด ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของฟอสฟอรัสและไนโตรเจน หากพืชขาดธาตุอาหารประเภทนี้ใบอ่อนจะมีสีเหลืองซีดและปรากฏสีขาวๆ ประปรายตามแผ่นใบ โดยเส้นใบยังเขียว และรากสั้นไม่เจริญตามปกติ
คอปเปอร์ (ทองแดง) (Cu) : เป็นธาตุอาหารที่มีหน้าที่ในการสร้างวิตามินเอในพืช เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิด อีกทั้งกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์นั้นๆ และช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ การหายใจ การใช้โปรตีน และแป้งในพืช การที่พืชขาดธาตุอาหารทองแดง บริเวณตายอดจะชะงักการเจริญเติบโตและกลายเป็นสีดำ ใบอ่อนเหลือง และพืชทั้งต้นจะชะงักการเจริญเติบโต
คลอรีน (Cl) : เป็นธาตุอาหารสำคัญที่ช่วยเร่งการสร้างแป้ง สร้างฮอร์โมนบางชนิด ช่วยเร่งการสุกแก่ให้กับพืชเร็วขึ้น ช่วยเจริญเติบโตของราก ควบคุมการอุ้มน้ำของเซลล์ ถ้าขาดธาตุนี้พืชจะเหี่ยวง่าย ใบสีซีด และบางส่วนแห้งตาย
โบรอน (B) : ส่งเสริมการออกดอก ช่วยในการผสมเกสรและการติดผล ช่วยในการเคลื่อนย้ายฮอร์โมนในต้นพืช เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล จำเป็นในการสร้างโปรตีน ให้พืชใช้ประโยชน์ธาตุอื่นได้ดีขึ้น ถ้าหากพืชขาดธาตุนี้ ตายอดจะตายและเริ่มมีตาข้าง แต่ตาข้างก็จะตายอีก ลำต้นไม่ค่อยยืดตัว กิ่งและใบจึงชิดกัน ใบเล็ก หนา โค้งและเปราะง่าย
โมลิบดินัม (Mo) : เป็นธาตุอาหารที่ช่วยให้พืชใช้ไนโตรเจนให้เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน ถ้าพืชขาดธาตุอาหารนี้พืชจะมีอาการคล้ายขาดไนโตรเจน ใบมีลักษณะโค้งคล้ายถ้วย ปรากฏจุดเหลืองๆ ตามแผ่นใบ
ข้อมูลจาก https://shop.grotech.co/blog/ดูง่ายๆพืชขาดธาตุอาหาร/
####
iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025
1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ www.ilab.work ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที
2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ
3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน)
สอบถามเพิ่มเติม
โทร 090 592 8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น